หลายคนที่รู้จักการต่อสู้แบบ ศิลปะมวยไทย
ก็ต้องรู้จักการต่อสู้รูปแบบผสม นั่นก็คือ MMA ที่เริ่มมีออกมาให้เห็นมากขึ้น
ในยุคปัจจุบันนี้ เพราะการต่อสู้แบบ MMA คือการต่อสู้
ที่ไม่ยึดศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่ง
ศิลปะการต่อสู้บนโลกใบนี้
มีอยู่มากมาย หลากหลายชนิดยิ่งนัก มีการต่อสู้รูปแบบใหม่ ถือกำเนิดมากขึ้นเรื่อยๆ
ในยุคปัจจุบันนี้ แต่ก็มีการต่อสู้รูปแบบหนึ่ง ที่ไม่ถือว่าเป็นศาสตร์ศิลปะการต่อสู้ใหม่ซะทีเดียว
เพราะการต่อสู้แบบนี้ เรียกได้ว่า เป็นการผสมผสานประยุกต์รูปแบบการต่อสู้ต่างๆ
เข้าไว้ด้วยกันซะมากกว่า นั่นก็คือ การต่อสู้แบบ MMA ซึ่งหลายคนอาจเคยรู้จักการต่อสู้แบบนี้
จากการต่อสู้ใต้ดิน ซึ่งเป็นการต่อสู้ในแบบไม่ยึดกฎเกณฑ์ใดๆ ทั้งสิ้น เรียกได้ว่า
เป็นการใช้ความป่าเถื่อนปะทะความป่าเถื่อน ที่ขึ้นอยู่กับวิชาที่ตัวเองถนัด
และมีทั้งหมด งัดออกมาใช้กัน มีนักมวยไทยหลายคน
เริ่มหันเข้าสู่การต่อสู้ในวงการแบบนี้ เพราะเพียงแค่คุณมีวิชา และใจกล้า คุณก็สามารถเข้าร่วมได้แล้ว
แต่การเข้าไปเยือนบนเวทีเหล่านั้น หากคุณไม่ได้มีวิชาอื่นพกติดตัวไปด้วยล่ะก็
โอกาสที่จะชนะของคุณ อาจมีเพียงน้อยนิด วันนี้ เราจะมาว่ากันถึง ความแตกต่างของกีฬามวยไทย
และการต่อสู้รูปแบบ MMA กัน
ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบผสม
Mixed martial art ( MMA ) คือ
การต่อสู้ที่รวมเอาศิลปะการต่อสู้หลายแขนงเข้าไว้ด้วยกัน อย่างเช่น มวยไทย, มวยสากล,
ยูโด, มวยปล้ำ, คาราเต้, แซมโบ, บราซิลเลี่ยน, ยูยิตสู มีทั้งการ เตะ ต่อย
และการทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้
ในทวีปเอเชีย
คือ ถิ่นกำเนิดของศิลปะการป้องกันตัวหลายแขนงมานานกว่า 5,000 ปี
ไม่ว่าจะเป็นคาราเต้, มวยกัมพูชา, มวยไทย, กังฟู, ยูยิตสู, ยูโด, มวยกาลี,
มวยปล้ำซุยเจียว, ไอคิโด ตลอดจนศาสตร์การป้องกันตัวอื่นๆ
โดยศิลปะการป้องกันตัวแบบผสม ถือเป็นวิวัฒนาการศาสตร์การป้องกันตัวรูปแบบใหม่อันน่าตื่นตาตื่นใจของศตวรรษนี้
และยังเป็นอนาคตใหม่ของศาสตร์การป้องกันตัวที่น่าจับตามอง
เนื่องจากเป็นการหลอมรวมการฝึกฝนศิลปะการป้องกันตัวที่ครบถ้วนทั้งเทคนิคการปะทะและการจับยึด
ทั้งการป้องกันตัวแบบยืนและการนอน ซึ่งต้องใช้แบบแผนของศาสตร์การป้องกันตัวหลากหลายชนิด
นับเป็นเกมกีฬาที่มีทั้งรางวัลล่อใจแก่ผู้ชนะ
เงื่อนไขของการชี้ผลแพ้ชนะของการแข่งขัน MMA ในยุคปัจจุบัน
1. การน็อคเอ้าท์
2. การยอมแพ้
3. การยอมแพ้ด้วยวาจา
4. การยุติการแข่งขันโดยผู้ตัดสิน
5. การยอมแพ้โดยพี่เลี้ยงนักกีฬา
6. การตัดสินของคณะกรรมการ
เรื่องความแตกต่างระหว่าง
การต่อสู้แบบ MMA
และ กีฬามวยไทย แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องการใช้อาวุธ ถึงแม้ว่า มวยไทย
กับ MMA จะสามารถใช้ หมัด, เท้า, เข่า, ศอก ได้ทุกอย่าง
แต่มวยไทย ไม่มีการต่อสู้ในรูปแบบท่านอน ซึ่งหากให้เปรียบเทียบ
การต่อสู้แบบวงกว้าง แน่นอนว่า กีฬามวยไทย ต้องได้เปรียบแน่นอน สามารถพองัดสูสีกับ
MMA และมีสิทธิ์พลิกล็อคชนะได้ แต่ถ้าถูกตะครุบเข้าวงใน ถูกเปลี่ยนรูปแบบต่อสู้ให้เป็นท่านอน
มวยไทยเรา จะเสียเปรียบทันที เพราะเหตุนี้ นอกจากจะต้องรู้ศาสตร์มวยไทยแล้ว
ศาสตร์การต่อสู้แบบท่านอน เราก็จำเป็นต้องศึกษาและใช้ให้ได้เช่นกัน เพื่อสามารถแก้ทางและพลิกล็อคให้ตัวเองเป็นฝ่ายชนะได้
และเมื่อหากคุณ เรียนรู้ท่านอนและใช้เป็นแล้ว รูปแบบการต่อสู้ของคุณ ก็จะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นการต่อสู้รูปแบบ
MMA ไปเลยโดยปริยาย
ฉะนั้นแล้ว กีฬามวยไทย คือศิลปะการต่อสู้พื้นฐาน ที่ควรเป็นวิชาติดตัวมากที่สุด
อ่านบทความเพิ่มเติม
สงวนลิขสิทธ์ 2019 MuaythaiStreet Co., Ltd. สงวนลิขสิทธ์ทั้งหมด
เปิดให้บริการทุกวัน ส่งทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์
98/3-5 ถ.พระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200