แม้ว่าหมัดและศอกจะอยู่ในแขนของมนุษย์เหมือนกัน
แต่อาวุธศอก มีพื้นผิวสัมผัสที่น้อยกว่าหมัด แถมยังเป็นส่วนที่แหลมคม
และมีความแข็งของกระดูก
มีการทดลองออกมาว่า
หมัด และ ศอก หากใช้ในแรงที่เท่ากัน พบว่า หมัด ใช้พื้นที่มากกว่า
จึงทำให้เกิดค่าความดันที่น้อย ขณะที่ศอก ใช้มุมองศา และพื้นที่การตีน้อย
รวดเร็วกว่า จึงเกิดค่าความดันที่มาก เมื่อแรงจากปลายศอก
ส่งเข้าไปกระทบผิวหนังใบหน้า ความดันนั้นจะมีค่าที่สูงมาก
ส่งผลให้เกิดแผลแตกได้ง่าย และทำให้สมองมึนงง ไปจนถึงขั้นสลบได้เลย
หรือหากมีการศอกตี ตัด งัด เข้าไปจุดอันตราย เช่น ปลายคาง, ทัดดอกไม้
(ส่วนที่บางสุดของกะโหลก) ก็สามารถทำให้ชนะน็อคเอาท์ได้เหมือนกัน
บริเวณปลายคาง
เป็นจุดที่อันตรายมาก
เพราะมีโอกาสที่แรงเหวี่ยงของศีรษะที่ถูกกระแทกจะช่วยเพิ่มความรุนแรงจนกระดูกสันหลังที่ห่อหุ้มก้านสมองแตกและเคลื่อนได้
หรือส่วนช่วงของขมับศีรษะหรือทัดดอกไม้เนื่องจากเป็นช่วงบริเวณกะโหลกศีรษะที่มีความหนาน้อยที่สุด
เวลาที่มีการกระทบจึงมีโอกาสที่ได้รับแรงกระแทกเต็มที่ นอกจากนี้ ศอก
ยังเป็นอาวุธที่ทำให้เกิดแผลบริเวณใบหน้าได้ง่ายกว่าอาวุธทุกชนิด
ยิ่งถ้าเป็นแผลแตกเหนือเบ้าตา จะส่งผลต่อการมองเห็นนักมวย
ถึงแม้ศอกจะเต็มไปด้วยข้อดี
และความรุนแรงเหนืออาวุธ
แต่การใช้ศอกให้ได้ประสิทธิภาพไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะศอก
ใช้ได้แค่ในระยะประชิดตัว ภายใต้เงื่อนไขที่ จังหวะ ความเร็ว ความแม่นยำ
ทุกอย่างต้องลงตัว และมีโอกาสศอกผิดพลาดสูง จนถูกโต้กลับด้วยอาวุธอื่นของคู่ชก
ขณะที่ในมุมมอง ศอก คือ อาวุธมวยไทยที่อันตรายมากสุด
และจากประสบการณ์ที่เคยได้ฝึกสอนนักชกต่างชาติ
ทุกคนที่มาเรียนล้วนต้องการที่มาเรียนรู้การใช้ศอก เพราะพวกเขามองเห็นว่า
นี่คืออาวุธอันตราย แต่ทำได้ยากมาก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก mainstand
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม
เปลี่ยนหน้าท้องเป็นแผ่นเหล็กของนักมวยไทย
สงวนลิขสิทธ์ 2019 MuaythaiStreet Co., Ltd. สงวนลิขสิทธ์ทั้งหมด
เปิดให้บริการทุกวัน ส่งทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์
98/3-5 ถ.พระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200